admin

ทำฟันที่คลินิก ฟ.ฟัน 27 สามารถเบิกประกันสังคมได้ทุกโรงพยาบาล โดยผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิ์ในการ อุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด ได้ในวงเงิน 900 บาทต่อปี โดยไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน  โดยเอกสารที่ต้องนำมาด้วยในวันที่ทำฟัน คือ บัตรประจำตัวประชาขน และ สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล (ถ้ามี) มาถึงก็แจ้งได้เลยค่ะ ว่าต้องการทำฟัน โดยใช้สิทธิ์ประกันสังคม พนักงานจะทำการตรวจสอบสิทธิ์ที่ท่านมีอยู่ และ สามารถใช้สิทธิ์ในวันนั้นได้เลยค่ะ  ส่วนฟันปลอมก็สามารถเบิกได้ ตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ แต่ต้องสำรองจ่ายก่อน แล้วทำเรื่องเบิกจ่ายเองตามปกตินะคะ ฟันปลอมบางส่วนชนิดถอดได้ ไม่เกิน 5 ซี่ เบิกได้ไม่เกิน 1,300 บาท แต่ถ้าใส่ ตั้งแต่ 5 ซี่ ขึ้นไป จะเบิกได้ไม่เกิน 1,500 บาท ฟันปลอมทั้งปาก ชิ้นบนหรือล่างอย่างเดียวเบิกได้ชิ้นละไม่เกิน 2,400 บาท ฟันปลอมทั้งปาก ทั้งบนและล่าง 2 ชิ้นรวมกันเบิกได้ไม่เกิน 4,400 บาท …

Let’s be our member !!!! สมัครสมาชิกรับส่วนลดทันที 5 % เฉพาะเงินสด ท่านสามารถสมัครสมาชิก เพื่อรับส่วนลดได้ทันที 5% ตลอด 1 ปี หมายเหตุ ไม่สามารถลดค่า จัดฟัน,รากฟันเทียม,แพทย์เฉพาะทาง,ค่ายา และราคาโปรโมชั่น ได้ ค่าสมัครสมาชิก 300 บาท บัตรสมาชิกมีอายุ 1 ปี รายละเอียดเพิ่มเติม สอบถามได้ที่คลินิก ถ้ายังไม่รู้ว่าจะ ทำฟันที่ไหนดี มาที่คลินิก ฟ.ฟัน 27 ได้เลยค่ะ คลินิก ฟ.ฟัน 27 อยู่ในซอย ประชาอุทิศ 27    ราษฎร์บูรณะ กทม. ตรวจและให้คำปรึกษา เกี่ยวกับการ ทำฟัน จัดฟัน ฟรีจ้า!!!

มีอะไรก็มีได้แต่ มีกลิ่นปากนั้น คงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะมีกันใช่ไหมค่ะ เพราะว่าจะ ทำให้เราเสียความมั่นใจไปมากเลยทีเดียว ปัญหาเรื่องกลิ่นปาก เป็นปัญหาที่หนักใจสำหรับหลาย ๆ คน เพราะว่า บางคน แปรงฟันอย่างดีวันละหลาย ๆ รอบ แถมใช้น้ำยาบ้วนปากอีก ก็ยังรู้สึกว่าตนเองมีกลิ่นปาก หรืออาจจะมีคนใกล้ตัวบอกเราว่าเรามีกลิ่นปาก ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ถ้าเรารู้ว่าสาเหตุของกลิ่นปากนั้นเกิดจากอะไร สาเหตุหลักของการเกิดกลิ่นปาก มักมาจากในช่องปากของเรานั่นเอง  เช่น มีฟันผุ มีหินปูน มีฟันคุด หรือ มีหนองอยู่ที่ฟัน เหล่านี้มักจะเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิดกลิ่นปากได้ ซึ่งหากเราไปพบทันตแพทย์แล้วรักษาให้เรียบร้อย กลิ่นปากก็จะหายไปได้ค่ะ “บางคนตรวจแล้วก็ไม่มีฟันที่มีปัญหา แต่ก็ยังมีกลิ่นปากอีก” เราลองสำรวจตัวเราเองซิคะว่า เราทำความสะอาดในช่องปากของเราดีหรือยัง บางคนคิดว่าแค่แปรงฟัน อย่างเดียวก็น่าจะพอ แต่อันนี้เป็นความคิดที่ผิดค่ะ การแปรงฟันอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถทำความสะอาดได้ทั่วผิวฟันนะคะ ยังมีตามบริเวณซอกฟัน ซึ่งแปรงสีฟันไม่สามารถเข้าไปทำความสะอาดได้ ถ้าหากว่าเราไม่ได้ใช้ไหมขัดฟันเลย นั้นก็หมายความว่าตรงบริเวณซอกฟันนั้น ไม่ได้รับการทำความสะอาดเลยพอสะสมไป นาน ๆ เข้าก็เกิดกลิ่นปากได้ค่ะ               นอกจากนี้ยังจะทำให้เกิดฟันผุตรงซอกฟันได้ด้วยค่ะ ซึ่งการผุบริเวณนี้ตรวจพบได้ยากต้องเอ๊กซ์เรย์ดู หรือถ้าปล่อยเอาไว้ กว่าจะรู้ก็อาจจะเป็นรูใหญ่ จนอุดไม่ได้แล้วก็ได้               นอกจากการใช้ไหมขัดฟันแล้ว ก็ต้องทำความสะอาดลิ้นด้วยนะคะ เพราะว่าลิ้นของคนเรานั้นเป็นตะปุ่มตะป่ำ ง่ายต่อการสะสมของเชื้อโรค ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดกลิ่นปากได้เหมือนกันค่ะ               คนที่ชอบรับประทานอาหารที่มีกลิ่นฉุนบ่อย ๆ หรือ การรับประทานยาบางชนิด หรือแม้แต่คนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวานก็อาจจะมีกลิ่นปากได้ง่ายกว่าคนอื่นนะคะ เพราะฉะนั้นหากเราอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ยิ่งต้อง ดูแลทำความสะอาดช่องปากให้ดีเป็นพิเศษด้วยค่ะ “สุดท้ายแล้วหากท่านที่ทำทุกอย่างแล้ว คือ ตรวจแล้วฟันก็ไม่มีปัญหา กลับมาบ้าน ก็ทำความสะอาดฟัน ใช้ไหมขัดฟันอย่างดี ก็ยังรู้สึกว่ามีกลิ่นปากอยู่”  นี่เลยค่ะ การดื่มน้ำ ไม่ใช่น้ำอะไรก็ได้นะคะ ต้องน้ำเปล่า ดื่มน้ำให้มากพอ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว การดื่มน้ำน้อย หรือ แม้แต่ความเครียด การเหนื่อยล้าจากการทำงานก็ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ค่ะ …

ช่วงขณะตั้งครรภ์ คุณแม่มักจะกังวลเกี่ยวกับเจ้าตัวน้อยในท้องจนลืมดูแลสุขภาพช่องปากของตัวเองไปเลย บางครั้งคลอดน้องออกมาแล้วพบว่าฟันคุณแม่ผุกร่อนไปมากกว่าช่วงที่ไม่ได้ตั้ง ครรภ์ บางคนนึกว่าลูกไปดูดแคลเซียม ออกจากฟัน ซึ่งจริง ๆ ไม่เกี่ยวกันนะคะ ช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีการหลั่งฮอร์โมนออกมามากมาย เพื่อรองรับการตั้งครรภ์ซึ่ง ฮอร์โมนบางตัวมีผลต่อสุขภาพช่องปากของคุณแม่ เช่น จะทำให้เหงือกอักเสบง่ายกว่าปกติ รวมทั้งระหว่างตั้งครรภ์ก็จะมีอาการแพ้ท้อง ซึ่งเมื่อมีอาการอาเจียนแพ้ท้องจะทำให้กรดในกระเพาะอาหารออกมา ทำให้ผิวฟันอ่อนแอ เสี่ยงต่อการผุกร่อนได้ อุปนิสัยในการรับประทานอาหารก็เปลี่ยนไป บางคนชอบกินอาหารรสเปรี้ยวมาก หรือ ต้องทานจุบจิบทั้งวัน หรือ ความเครียดกังวลต่้่าง ๆ  ทำให้ไม่ได้ใส่ใจในการทำความสะอาดฟันเท่าที่ควร ทั้งหมดนี้ก็มีผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์ได้ค่ะ คุณแม่บางคนอยากมาทำฟันแต่พอรู้ว่าตั้งครรภ์ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำฟันได้หรือเปล่า ลองอ่านข้อมูลข้างล่างดูนะคะ เคล็ดลับสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ช่วงเวลาที่เหมาะสมสามารถทำฟันได้คือ ช่วงตั้งครรภ์ ตั้งแต่ 4-6 เดือน เนื่องจาก 3 เดือนแรก เป็นช่วงที่เด็กกำลังสร้างอวัยวะ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากให้มีสารเคมีต่าง ๆ เข้าไปในร่างกาย หรือ มีความเครียดจากการทำฟัน   เช่น การทำฟันก็อาจจะต้องมีการฉีดยาชา หรือ การรับประทานยาต่าง ๆ และคุณแม่ก็จะมีอาการแพ้ท้อง ทำให้ไม่สะดวกในการทำฟัน  ส่วนถ้าประมาณเดือนที่ 6-9  นั้นก็จะเป็นช่วงที่ใกล้คลอดแล้ว ก็ไม่อยากให้คุณแม่มีความเครียดหรือ เกร็ง  และท้องที่ใหญ่ขึ้นทำให้นอนหงายลำบาก ไม่สะดวกในการทำฟันเช่นกัน นอกจากนี้การมาพบทันตแพทย์ก็จะเป็นโอกาสให้คุณแม่ขอคำปรึกษาและสอบถามวิธี ปฏิบัติตัวทั้งในขณะตั้งครรภ์ และ วิธีดูแลสุขภาพฟันของน้องเมื่อคลอดออกมาแล้วด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ก็ควรมาตรวจเช็คสุขภาพฟัน ในช่วงเวลาีที่เหมาะสม เพื่อตรวจดูว่ามีฟันที่มีปัญหา หรือ ต้องขูดหินปูนหรือไม่ จะได้รีบทำก่อนที่ฟันเหล่านั้นจะแสดงอาการ ถ้าหากไม่มาตรวจเช็คเลยปล่อยให้มีปัญหาแล้วค่อยมา ก็อาจจะสายไปเสียแล้ว เช่น ปล่อยจนมีอาการปวดบวม แล้วค่อยมาทำฟันอยากจะถอนฟันออก แต่ปรากฎว่าตั้งครรภ์ได้ 8-9 เดือนใกล้จะคลอดแล้วก็จะไม่สามารถถอนได้ (ยกเว้นกรณีที่จำเป็นจริง ๆ และ ได้ปรึกษาหมอที่ฝากครรภ์ไว้แล้ว)  อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าทราบว่าตั้งครรภ์ควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบด้วยค่ะ จะได้รักษาได้ถูกต้อง เช่น ถ้าต้องเอ๊กซ์เรย์ก็อาจจะเลื่อนไปก่อนเป็นต้น      การดูแลสุขภาพในช่องปากก็เหมือนปกติทั่วไปค่ะ แต่ที่สำคัญคือต้องเน้นการใช้ไหมขัดฟันด้วยนะคะ เพื่อจะได้ทำความสะอาดฟันได้ละเอียด น้ำยาบ้วนปากก็สามารถใช้ได้ค่ะ เน้นแบบที่ผสมฟลูอออไรด์ด้วย อย่าลืมนะคะ สุขภาพฟันนั้นสำคัญมาก หากคุณแม่มีสุขภาพฟันที่ดี ก็สามารถรับประทานอาหารเพื่อบำรุงลูกน้อยในครรภ์ได้เต็มที่ สุขภาพของลูกก็จะสมบูรณ์แข็งแรงค่ะ